วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

เสวนาโครงการ เรื่อง "หญิงไทยในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ปัจจุบัน"

โดย นางสาวนฤมล แก้วเนียม

เสวนาโครงการ  เรื่อง "หญิงไทยในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ปัจจุบัน" ณ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว




หญิงไทยในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ปัจจุบัน
 
        วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 12.30-16.30 พิพิธภัณฑ์ฯได้จัดงานเสวนาโครงการ "หญิงไทยในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ปัจจุบัน" โดยวิทยากรคือคุณวิกัลย์ พงศ์พนิตานนท์ หัวหน้าหอจดหมายเหตุศิริราชพยาบาล และคุณพิมพ์ฤทัย ชูแสงศรี บรรณาธิการบริหารนิตยสารลิซ่า

 

    ด้วยในเดือนสิงหาคมนี้เป็นวาระครบ 95 ปีแห่งวันอภิเษกสมรสของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินี อีกทั้งในเดือนสิงหาคมยังจัดเป็นเดือนวัน สตรีไทยและแม่แห่งชาติอีกด้วย พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เห็นควรจัดโครงการสัมมนาเรื่อง หญิงไทยยุคเปลี่ยนผ่านสู่ปัจจุบัน
   เพศแม่เป็นสัญลักษณ์แห่งการให้กำเนิดและความอุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในยุคคลาสสิกได้รับการยกย่องเป็นเทพีแห่งสงคราม เทพีแห่งการเยียวยา เทพีแห่งการล่าสัตว์แม้แต่ในสังคมอินเดีย เทพีหลายองค์ทรงเป็นศักติหรือ พลังของเทพเจ้าสำคัญ จำนวนไม่น้อยตามความเชื่อหลายลัทธิ
   ผู้หญิงได้รับการปฏิบัติแตกต่างกันออกไปทั้งในโลกตะวันตกและโลกตะวันออก ตามความเชื่อทางศาสนาและค่านิยมในสังคม แต่หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงวัยอาวุโสสูงสุด สตรีเพศทั้งในสังคมจีนและอินเดีย อาจมีสถานภาพเป็นผู้ชี้ทางอนาคตของครอบครัวบนสถานภาพของการเป็นผู้รู้และผู้สืบทอดภูมิปัญญาทั้งในเรื่องความเป็นอยู่และพิธีกรรมของครอบครัวโดยมีศาสนาและความเชื่อเป็นสายธารเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม
  ในสังคมไทย เมื่อประมาณ 200ปีเศษที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้หญิงตัวเล็กๆ หลายคน อาจส่งผลกระทบไปถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของกระบวนการยุติธรรมโดยรวมอย่างคาดไม่ถึงอาทิ ในกรณีของอาแดงป้อมผู้เป็นสาเหตุให้ร้อนถึงพระเนตรพระกรรณพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจนถึงกับต้องชำระพระราชบัญญัติอันเป็นต้นเค้าของกฎหมายตราสามดวงในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
   ฎีกาที่ ขัดฝืนผู้หญิงที่น่าสงสารอย่าง อาแดงเหมือนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงกับส่งผลให้ประเพณีการคลุมถุงชนในสังคมไทยเสื่อมคลายภายใต้พระราชวินิจฉัยที่ว่าการแต่งงานของชายหญิงต้องเกิดจากความสมัครใจอีกทั้งยังส่งผลให้มีการประกาศพระราชบัญญัติลักพาพ.ศ.2408 และพระราชบัญญัติผัวขายเมียพ.ศ. 2410 อันเป็นการปูพื้นฐานของเรื่องสิทธิมนุษยชนและการเลิกทาสในรัชสมมัยต่อมา ทำให้คำกล่าวที่ว่า ผู้หญิงเป็นควาย ผู้ชายเป็นคนในอดีตเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คนในสังคม
   ในยุคปลายสังคมจารีตสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่างของการยกย่องสถานภาพของสตรี ตามค่านิยมของ สังคมผัวเดียวเมียเดียวแบบตะวันตกโดยทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินีแต่เพียงพระองค์เดียว พระราชจริยาวัตรนี้ส่งผลระดับหนึ่งต่อสถาบันครอบครัวในเวลาต่อมาแต่เป็นน่าแปลกใจที่สังคมไทยแม้จะให้ความสำคัญ ต่อคำสาบาน ดังพันธะที่มีต่อพระราชพิธีศรีสัจปานกาลมาแต่ครั้งอดีต กลับไม่เคยแยแสต่อการสาบานว่า จะซื่อสัตย์ต่อคู่สมรสจนกว่าจะตายจากกันร่องรอยการให้ เครดิตแก่ผู้หญิงครั้งสำคัญ ที่สุดในยุคเปลี่ยนผ่าน สู่สังคมประชาธิปไตย
   เมื่อพ.ศ.๒๔๗๕ ปรากฏในธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราวฉบับแรก กาหนดให้ผู้หญิงไทยได้รับสิทธิทางการเมืองเท่าเทียมกับผู้ชาย ขณะที่สตรีหลายชาติทั้งในโลกตะวันตกที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจแล้ว กลับยังไม่ได้สิทธิดังกล่าว ในขณะที่สังคมโลกตระหนักถึงสิทธิสตรี ทั้งรัฐไทยและสังคมไทยโดยรวม ทัศนะที่มีต่อผู้หญิงมีพัฒนาการอย่างไรบ้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๗ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง นิติบัญญัติ และวัฒนธรรมส่งผลกระทบต่อบทบาทของผู้หญิงอย่างไร ปัจจัยเกื้อหนุนและบั่นทอนย้อนกลับต่อบทบาทของผู้หญิงอันเนื่องมาจากกฎหมายบางอย่างมีอะไรบ้าง ขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงเกิดจากตัวแปรอะไรบ้าง ล้วนเป็นคาถามที่สังคมต้องร่วมกันแสวงหาคาตอบหรือร่วมกันแก้ไขอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ การอ้างความรักความหึงหวงแล้วแปรเปลี่ยนมาเป็นการทาร้ายคนเพศแม่อย่างโหดร้าย การลดความสาคัญของสตรีหลังการแต่งงาน ทาให้ผู้หญิงขาดโอกาสทางเศรษฐกิจ ถึงกระนั้นก็ตาม สิทธิทางการเมืองและการศึกษาก็ทาให้สตรีจานวนไม่น้อยประสบความสาเร็จในวิชาชีพของตน


บทบาทของสตรีไทยในอดีต
 
 

 
    สตรีไทยมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต ในทางการเมืองสตรีไทยในประวัติศาสตร์หลายคนได้มีบทบาทในการสร้างชาติไทย เช่น พระสุพรรณกัลยา พระพี่นางของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเสียสละพระองค์เป็นองค์ประกันที่เมืองหงสาวดี เพื่อแลกกับอิสรภาพของสมเด็จพระนเรศวรที่จะมากอบกู้เอกราชให้กับกรุงศรีอยุธยาในวันข้างหน้า

      ในสมัยรัตนโกสินทร์ สตรีไทยหลายคนได้มีบทบาทในการต่อสู้ทำสงครามเพื่อปกป้องบ้านเมือง เช่น คุณหญิงจัน ภรรยาเจ้าเมืองถลาง (ภูเก็ต) และนางมุกน้องสาว ได้นำชาวบ้านเมืองถลางต่อสู้ต้านทานกองทัพพม่าเมื่อครั้งสงครามเก้าทัพในสมัยรัชกาลที่ 1 มีความดีความชอบจนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทรตามลำดับ

          ในสมัยรัชกาลที่ 3 คุณหญิงโม ภรรยาของปลัดเมืองนครราชสีมา ได้ใช้อุบายโดยให้หญิงชาวบ้านเลี้ยงสุราอาหารแก่ทหารลาว ทำให้กองทัพของเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ตายใจและปล่อยปละละเลยความปลอดภัยของค่ายทัพ เมื่อได้โอกาสก็นำอาวุธเข้าต่อสู้กับทหารฝ่ายลาวจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและแตกทัพหนีไปทำให้ฝ่ายไทยสามารถเอาชนะได้ ต่อมาคุณหญิงโมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท้าวสุรนารี

 
 
 
ในงานมีการบรรเลงเพลงในรัชกาลที่ 7
 
อ้างอิง
 
        พิพิธิภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวhttps://www.facebook.com/kingprajadhipokmuseum

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น