กัมพูชา ชื่ออย่างเป็นทางการว่า พระราชอาณาจักรกัมพูชา (เขมร: พฺระราชาณาจกฺรกมฺพุชาพระราชาณาจักรกัมพูชา")เป็นประเทศตั้งอยู่ในส่วนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่ 181,035ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวันตกติดต่อกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับเวียดนาม และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอ่าวไทย
ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66ของโลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือประมาณ 95%ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจามและชาวเขากว่า 30เผ่า เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของกัมพูชา ราชอาณาจักรกัมพูชาปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มีพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนีมาจากการเลือกตั้งโดยราชสภาเพื่อราชบัลลังก์ เป็นประมุขแห่งรัฐ ประมุขรัฐบาล คือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซนผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ปกครองกัมพูชามาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี
ใน พ.ศ. 1345 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราบดาภิเษกตนเป็นพระมหากษัตริย์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิขะแมร์อำนาจและความมั่งคั่งมหาศาลของจักรวรรดิขะแมร์ที่มีพระมหากษัตริย์ครองราชย์สมบัติสืบต่อกนมานั้นได้ครอบงำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากเป็นเวลากว่า 600ปี กัมพูชาถูกปกครองเป็นเมืองขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 กัมพูชาได้รับเอกราชในพ.ศ.2496สงครามเวียดนามได้ขยายเข้าสู่กัมพูชา ทำให้เขมรแดงขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งยึดกรุงพนมเปญได้ใน พ.ศ.2518กัมพูชาผงาดขึ้นอีกหลายปีให้หลังภายในเขตอิทธิพลสังคมนิยมเป็นสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา กระทั่ง พ.ศ. 2536 หลังจากหลายปีแห่งการโดดเดี่ยว ชาติซึ่งเสียหายจากสงครามก็ได้รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งภายใต้ระบอบราชาธิปไตยในปีเดียวกันนั้นเอง
ในการบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมืองนานหลายทศวรรษ กัมพูชามีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์ ประเทศกัมพูชาได้มีหนึ่งในบันทึกเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในเอเชีย โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 6.0% เป็นเวลานาน 10 ปี ภาคสิ่งทอ เกษตรกรรม ก่อสร้าง เสื้อผ้าและการท่องเที่ยวที่เข้มแข็งได้นำไปสู่การลงทุนจากต่างชาติและการค้าระหว่างประเทศในพ.ศ. 2548มีการพบแหล่งน้ำมันและแก๊สธรรมชาติใต้น่านน้ำอาณาเขตของกัมพูชา และเมื่อการขุดเจาะเชิงพาณิชย์เริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2556 รายได้จากน้ำมันสามารถมีผลต่อเศรษฐกิจกัมพูชาอย่างลึกซึ้ง
ข้อมูลทั่วไปประเทศกัมพูชา
คนทั่วไปรู้จักและให้ความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์กับประเทศกัมพูชาอยู่ 2 ประการคือ - เป็นแหล่งอารยะธรรมและราชธานีของอาณาจักรขอมโบราณที่ยิ่งใหญ่ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 - 16 แล้วล่มสลายไป คงเหลือหลักฐานปรากฎในรูปปราสาทหินโบราณจำนวนกว่า 1,700 ปราสาทกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป โดยมีปราสาทนครวัด ( Angkor Wat ) และกลุ่มปราสาทในนครธม ( Angkor Thom ) ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาชม
- เป็นแหล่งที่เกิดการขัดแย้งทางการเมืองภายใน และการแทรกแซงจากภายนอก นำไปสู่การแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายฆ่าฟันกันเองของชาวกัมพูชาในช่วงทศวรรษที่ 1970 -1990 โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการล้มตายไปของประชาชนนับล้านคนในช่วงระยะเวลาเพียง 3 ปี 8 เดือน 20 วัน ที่ระบอบเขมรแดง ( Khmer Rouge Regime ; 17 April 1975 - 7 January 1979 ) ได้ปกครองดินแดนนี้ และองค์การสหประชาชาติเห็นความสำคัญและพยายามที่จะจัดตั้งศาลพิเศษขึ้นพิจารณาคดีเขมรแดง เพื่อให้ได้มาซึ่งเหตุจูงใจและข้อเท็จจริงที่นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ รวมทั้งการพิจารณาโทษต่อผู้มีส่วนร่วมให้เกิดเหตุดังกล่าว
นักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ ในฐานะหน่วยงานในสังกัดกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ของไทย ซึ่งมีหน้าที่สร้างความสัมพันธ์ทางการค้าทางเศรษฐกิจที่ดีกับกัมพูชา รวมทั้งต้องปฏิบัติการสนับสนุนการประกอบธุรกิจของภาคเอกชนไทยในทุกด้าน จึงเห็นความสำคัญที่จะจัดทำเอกสารรวบรวมและสรุปข้อมูลทางด้านการปกครอง สังคม การเมือง เศรษฐกิจการค้าและการลงทุนในกัมพูชา โดยเฉพาะที่เกี่ยวพันกับประเทศไทยขึ้น เพื่อเป็นเอกสารเผยแพร่แก่ผู้ที่มีความสนใจที่จะเข้ามาทำการค้า หรือมาลงทุนในประเทศนี้ ได้ศึกษาเป็นพื้นฐาน สร้างความรู้ความเข้าใจเป็นการเตรียมการในเบื้องต้น ดังนี้
การเมือง การปกครอง
ราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกและมีพรมแดนทางบกติดต่อกับประเทศไทยเป็นระยะทางจากสันปันน้ำทิวเขาพนมดงรักถึงหลักเขตแดนที่ 1 (จังหวัดอุบลราชธานี) ต่อเนื่องลงมาทางใต้ จรดสันปันน้ำทิวเขาบรรทัด ถึงหลักเขตแดนที่ 73 (จังหวัดตราด) เป็นระยะทางประมาณ 798 กิโลเมตร มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์คือ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี ทรงเป็นประมุข ภายหลังจากได้รับเสียงสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะที่ปรึกษาราชบัลลังก์ (The Royal Council of the Throne) ตามมติเมื่อแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2547 ให้สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระราชบิดา (สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ซึ่งสละราชสมบัติ) โดยมีพระราชพิธีราชาภิเษกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2547 ทรงเป็นประมุขของประเทศที่มีขนาด 1 ใน 3 ของประเทศไทย ซึ่งมีประชากรประมาณ 13.8 ล้านคนเศษ ( ปี 2548 ) เป็นชาย 6.7 ล้านคนเศษ หญิง 7.1 ล้านคนเศษ แบ่งเขตการปกครองเป็น 20 จังหวัด ( เรียกว่า แขต ) กับอีก 4 กรุง โดยแต่ละจังหวัดหรือกรุง จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดหรือกรุงกับรองผู้ว่าฯ อีก 7 – 9 คน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามวาระของรัฐบาล ( 5 ปี ) เป็นผู้ปกครอง ทั้งนี้ จังหวัดจะแบ่งเขตการปกครองย่อยเป็นอำเภอ และตำบล ( เรียกเป็น “ สะร๊อก ” และ “ คุ้ม “ ) ขณะที่กรุงจะแบ่งเขตการปกครองย่อยเรียกเป็น “ คาน ” และ “ สังกัด “ ทั้งนี้ หมู่บ้านหนึ่งๆ ซึ่งเป็นชุมชนย่อยลงไปจะเรียกว่า “ภูมิ”
รัฐสภาของกัมพูชาเป็นสภาคู่ ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร ( National Assembly ) ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 120 คน มาจากการเลือกตั้งทั่วไปโดยทางตรงและลับ มีวาระ 5 ปี ปัจจุบันมีสมาชิก 123 คน และมีสมเด็จกรมพระ นโรดม รณฤทธิ์ เป็นประธาน กับ วุฒิสภา ( Senate ) ที่มีสมาชิกมากสุดไม่เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร มาจากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ 2 คน เลือกจากพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากโดยเปรียบเทียบ 2 คนและที่เหลือมาจากการเลือกตั้งโดยทางอ้อม มีวาระ 6 ปี ( ปัจจุบันมีสมาชิก 61 คน ) และมีสมเด็จ เจีย ซิม เป็นประธาน ( ตำแหน่ง สมเด็จ เป็นตำแหน่งที่กษัตริย์สีหนุโปรดเกล้าพระราชทานแก่สามัญชนผู้ทำคุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศ ปัจจุบันมีผู้ได้รับตำแหน่งและยังมีชีวิตอยู่อีก 2 คน คือ สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จ เฮง สัมรินทร์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานกิตติมศักดิ์พรรคประชาชนกัมพูชา)
รัฐบาลปัจจุบันจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2547 หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2546 เกือบ 1 ปี โดยเป็นรัฐบาลผสม 2 พรรคการเมือง ระหว่างพรรคประชาชนกัมพูชา ที่มี 73 ที่นั่ง ( CPP ; Cambodian People Party ) กับพรรคฟุนซินเป็ค ซึ่งมี 26 ที่นั่ง (FUNCINPEC ; National United Front for an Independent, Neutral, Peaceful and Cooperative Cambodia) มีสมเด็จฮุน เซนเป็นนายกรัฐมนตรี จัดการบริหารเป็น 26 กระทรวง 2 ทบวง โดยมีพรรคสม รังสี ซึ่งมี 24 ที่นั่ง ( SRP ; Sam Rainsy Party ) เป็นพรรคฝ่ายค้าน
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกัมพูชา ใช้ระบบแบ่งเขตแล้วเลือกตามบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง ในสัดส่วนประชากร 100,000 คนต่อสมาชิกสภา 1 ที่นั่ง ทั้งนี้ ชาวกัมพูชาอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี จึงมีสิทธิลงคะแนน โดยผู้ที่ได้สัญชาติกัมพูชาโดยการเกิดอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และ 40 ปี เท่านั้น จึงมีสิทธิรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน และสมาชิกวุฒิสภาตามลำดับ
อนึ่ง หลังได้รับเลือกตั้ง หากสมาชิกพรรคการเมืองใดพ้นสภาพก่อนครบวาระของสภา พรรคการเมืองนั้นๆ สามารถส่งคนของตนเข้ามารับตำแหน่งและทำหน้าที่แทนทำให้เมื่อพรรคการเมืองใดสามารถจัดตั้งเป็นรัฐบาลก็จะเป็นรัฐบาลที่สามารถบริหารประเทศได้ค่อนข้างจะมีความมั่นคงตลอดวาระ 5 ปี ทำให้การเลือกตั้งแต่ละครั้งจะแข่งขันกันรุนแรง
ศาสนา สังคม และประชากร
ศาสนาพุทธลัทธิเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ปัจจุบันเป็นที่นับถือประชาชนประมาณร้อยละ 90 ของประเทศ ประกอบด้วย 2 นิกาย คือ ฝ่ายมหานิกาย มีสมเด็จพระมหาสุเมธาธิบดี ( เทพ วงศ์ ) สมเด็จพระสังฆราช วัดอุณาโลม เป็นประมุข กับฝ่ายนิกายธรรมยุติ มีสมเด็จพระสุคนธาธิบดี( บัว คลี่ ) สมเด็จพระสังฆราช วัดบัวตูม เป็นประมุข ประชาชนส่วนที่เหลือประมาณร้อยละ 10 จะนับถือศาสนาอิสลาม คริสต์ และอื่นๆ
จากการที่พุทธศาสนาเป็นศาสนาหลัก ทำให้ประเพณีปฏิบัติต่างๆ ของประชาชนชาวกัมพูชาจะสอดคล้องใกล้เคียงกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยผู้สูงอายุจะเข้าวัดฟังธรรม เมื่อมีงานบุญตามประเพณี ประชาชนหนุ่มสาวและเด็กจะร่วมแรงช่วยเหลือจัดการงานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ จะมีงานบุญประเพณีที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาตามจันทรคติเช่นเดียวประเทศไทยเป็นวันหยุดราชการ ได้แก่ วันมาฆบูชา, วันปีใหม่เขมร ( Khmer New Year ) ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์จะหยุดราชการในวันที่ 14 – 16 เมษายนทุกปี, วันวิสาบูชา วันสาร์ทเขมรซึ่งตรงกับ วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 (เรียกว่างานวันปรอจุมเบณ , Pchum Ben day) โดยจะหยุดราชการ 3 วัน ตั้งแต่วันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 จนขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 และงานวันลอยกระทง ( Water Festival ) เรียกว่างานบุญอมตุก หรืองานแข่งเรือ เพราะจะมีเรือจากจังหวัดต่างๆมาแข่งฝีพายกันหน้าพระบรมมหาราชวัง จะหยุดราชการ 3 วัน ตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เป็นต้น
หากจะกล่าวโดยภาพรวมแล้ว
ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมและประเพณีของกัมพูชาและไทยจะใกล้เคียงกันในทุกเรื่อง
รวมทั้งภาษา ถ้อยคำ พยัญชนะ สระ ตัวอักษร คำศัพท์ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้ถูกหยิบยืมแลกเปลี่ยนใช้สืบเนื่องกันมาและตกค้างในแต่ละฝ่ายจำนวนหนึ่ง
เนื่องจากตลอดระยะ 30 ปีก่อนที่เขมรทั้ง 4
ฝ่ายจะลงนามในสัญญายุติข้อขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกัน ( the
Agreement on a Comprehensive Political Settlement of the Cambodian Conflict ) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2534 ชาวกัมพูชาต้องรบราฆ่าฟันกันเอง
ทั้งที่เกิดจากการขัดแย้งกันภายในและมูลเหตุชักจูงจากภายนอก ได้ทำให้ผู้มีการศึกษา
ปัญญาชนและประชาชนจำนวนมากต้องล้มตาย ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ในเวลานั้น ต่างคำนึงแต่จะหนีตาย
เป็นผู้ลี้ภัยสงครามกระจายไปในประเทศต่างๆ กล่าวได้ว่าเกิดสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดทั่วหัวระแหง
ผู้ที่มีชีวิตในช่วงนั้น เคยเปรียบให้ฟังว่า มีถนนก็ไม่มีคนเดิน
มีบันไดก็ไม่มีคนขึ้น การศึกษาและสังคมขาดการพัฒนาไปช่วงหนึ่ง เพื่อเห็นภาพขอยกคำกล่าวของท่านนายกรัฐมนตรีสมเด็จ
ฮุน เซน ในโอกาสเปิดการประชุมชี้แจงนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลต่อประชาคมนานาชาติ
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548 ณ
โรงละครจตุมุข กรุงพนมเปญ ตอนหนึ่งระบุว่า “ตลอดระยะเวลา 10
ปีที่ผ่านมา(นับจากปี 1991) กัมพูชาได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ไม่เพียงแต่การเมืองและความมั่นคง ยังรวมถึงด้านสังคมและเศรษฐกิจ หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่า
เมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้ว หลังการล่มสลายของระบอบการปกครองเขมรแดง(ปี
1979) ช่วงนั้นในกรุงพนมเปญมีผู้อยู่อาศัยและทำงานอยู่เพียง 70
คน แต่เวลานี้มีชาวกัมพูชามากกว่า 1 ล้านคนทำงานและยังชีพอยู่ในเมืองหลวง(ในอดีต)
ที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็น เพชรแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงทศวรรษที่ 1960
ก่อนที่จะเกิดสงคราม “
การสัมโนประชากรครั้งล่าสุดเมื่อปี 1998 กัมพูชามีประชากร 11,426,223 คน หากประเมินการขยายตัวของประชากรที่อัตราร้อยละ 2.4 ต่อปีแล้ว ประมาณได้ว่าประชากรของกัมพูชาในปี 2548 จะมี 13.8 ล้านคน เป็นหญิงประมาณร้อยละ 51 ชายร้อยละ 49 โดยประชากรเกือบครึ่งหนึ่งจะมีอายุไม่ถึง 20 ปี เปรียบเสมือนกำลังแรงงานในอนาคตที่จะรองรับการลงทุนในทุกด้าน ทำให้นักลงทุนจากประเทศต่างๆ มองเห็นโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากค่าแรงงานที่ต่ำกว่าประเทศอื่นโดยเปรียบเทียบ ศึกษาและหาลู่ทางย้ายฐานการผลิตมายังประเทศนี้ หากการเมืองมีความมั่นคง และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนมากเพียงพอที่จะจูงใจ ทั้งนี้ จังหวัดที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน ได้แก่ กัมปงจาม กรุงพนมเปญ กันดาล พระตะบองและไพรเวง จังหวัดที่มีประชากร 500,000 – 1,000,000 คน ได้แก่ จังหวัดตาแก้ว เสียมราฐ กัมปอต กัมปงธม กัมปงสปือ กัมปงชนัง สวายเลียงและบันเตียเมียนจัย
การสัมโนประชากรครั้งล่าสุดเมื่อปี 1998 กัมพูชามีประชากร 11,426,223 คน หากประเมินการขยายตัวของประชากรที่อัตราร้อยละ 2.4 ต่อปีแล้ว ประมาณได้ว่าประชากรของกัมพูชาในปี 2548 จะมี 13.8 ล้านคน เป็นหญิงประมาณร้อยละ 51 ชายร้อยละ 49 โดยประชากรเกือบครึ่งหนึ่งจะมีอายุไม่ถึง 20 ปี เปรียบเสมือนกำลังแรงงานในอนาคตที่จะรองรับการลงทุนในทุกด้าน ทำให้นักลงทุนจากประเทศต่างๆ มองเห็นโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากค่าแรงงานที่ต่ำกว่าประเทศอื่นโดยเปรียบเทียบ ศึกษาและหาลู่ทางย้ายฐานการผลิตมายังประเทศนี้ หากการเมืองมีความมั่นคง และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนมากเพียงพอที่จะจูงใจ ทั้งนี้ จังหวัดที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน ได้แก่ กัมปงจาม กรุงพนมเปญ กันดาล พระตะบองและไพรเวง จังหวัดที่มีประชากร 500,000 – 1,000,000 คน ได้แก่ จังหวัดตาแก้ว เสียมราฐ กัมปอต กัมปงธม กัมปงสปือ กัมปงชนัง สวายเลียงและบันเตียเมียนจัย
ระบบคมนาคม
ทางรถไฟ มีเส้นทางรถไฟสำคัญ 2 สาย ได้แก่ กรุงพนมเปญ – ศรีโสภณ และกรุงพนมเปญ – กัมปงโสม
มีความยาวรวมทั้งสิ้น 702 กิโลเมตร ขณะนี้
รัฐบาลกัมพูชาอยู่ในระหว่างการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟช่วงศรีโสภณ -ปอยเปต ระยะทาง 48ก.ม.
เพื่อเชื่อมต่อกับทางรถไฟของไทยที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
เพื่อรองรับโครงการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์ -คุนหมิง
ทางรถยนต์
มีความยาวรวมกัน 14,790กิโลเมตร
แต่อยู่ในสภาพใช้การได้ดีเพียง 2,600 กิโลเมตร เส้นทางสำคัญได้แก่
1)
เส้นทางหมายเลข 1 กรุงพนมเปญ – บ๋าแว็ต (ชายแดนเวียดนาม) ระยะทาง 165 กิโลเมตร งต่อไปถึงนครโฮจิมินห์ของเวียดนามอีก 68กิโลเมตร)
2)เส้นทางหมายเลข 4กรุงพนมเปญ –กรุงพระสีหนุ (กัมปงโสม)ระยะทาง 246 กิโลเมตร
3) เส้นทางหมายเลข 5 กรุงพนมเปญ – ปอยเปต ระยะทาง 402
กิโลเมตร
4) เส้นทางหมายเลข 6 เสียมราฐ – ศรีโสภณระยะทาง 106 กิโลเมตร นอกจากนี้
ยังมีถนนอีก 2 สายที่ไทยให้ความช่วยเหลือในการก่อสร้างเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการขนส่งระหว่างไทยกับกัมพูชา ได้แก่ ถนนหมายเลข 67 (สะงำ
- อันลองเวง - เสียมราฐ) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยกับภาคเหนือของกัมพูชาและจังหวัดเสียมราฐและถนนหมายเลข 48 (เกาะกง – สแรอัมเบิล) เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน
และการท่องเที่ยวระหว่างภาคตะวันออกของไทย
ทางน้ำ มีท่าเรือระหว่างประเทศที่กรุงพนมเปญและกรุงพระสีหนุ
(กัมปงโสม) และมี
เส้นทางเดินเรือภายในประเทศตามลำแม่น้ำโขง แม่น้ำทะเลสาบ และแม่น้ำบาสัก
ทางอากาศ มีท่าอากาศยานที่สำคัญ 2 แห่ง คือ ท่าอากาศยานนานาชาติโปเชนตง กรุงพนมเปญ
และท่าอากาศยานเมืองเสียมราฐ กับมีท่าอากาศยานสำรองเพื่อการขนส่งสินค้าที่จังหวัดกำปงชนัง
และท่าอากาศยานขนาดเล็กที่กรุงพระสีหนุ
ภูมิประเทศ
- ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ
ประกอบด้วยที่ราบรอบทะเลสาบเขมร และที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
- มีทิวเขาล้อมรอบทางเหนือ คือ เทือกเขาพนมดงรัก เทือกเขาบรรทัด เทือกเขาอันนัม มีลักษณะคล้ายภูมิประเทศคลายชามหรืออ่าง มีภูเขาล้อมรอบ 3 ด้าน ได้แก่
- ด้านตะวันออกมีแนวเทือกเขาอันนัม
ที่เป็นพรมแดนกับประเทศเวียดนาม
- ด้านเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือมีแนวเทือกเขาพนมดงรักที่เป็นพรมแดนกับประเทศไทย
- ด้านใต้และตะวันตกใต้มีแนวเทือกเขาบรรทัดที่เป็นแนวพรมแดนกับประเทศไทย
- เฉพาะด้านตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้นที่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
ภูมิอากาศ
มีอากาศมรสุมเขตร้อนเป็นแบบร้อนชื้นแถบมรสุมร้อนชื้มีฤดูฝนยาวนาน อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 20-36 องศาเซลเซียส
ฤดูฝนเริ่มจากเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม
ฤดูแล้งเริ่มจากเดือนพฤศจิกายน-เมษายน เดือนเมษายนมีอุณหภูมิสูงสุด ที่เดือนมาราคมมีอุณหภูมิต่ำที่สุด เดือนตุลาคมมีฝนตกชุกที่สุด
แผนที่
ลักษณะเศรษฐกิจ
1.เกษตรกรรม
อยู่บริเวณที่ราบภาคกลาง รอบทะเลสาบเขมร พืชที่สำคัญคือ ข้าวเจ้า ยางพารา พริกไทย
2.การประมง
บริเวณรอบทะเลสาบเขมร เป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญที่สุดในภูมิภาค
3.การทำป่าไม้
บริเวณเขตภูเขาทางภาคเหนือ โดยล่องมาตามแม่น้ำโขง
4.การทำเหมืองแร่
ยังไม่ค่อยสำคัญ
5.อุตสาหกรรม
เป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อม ส่วนใหญ่เป็นโรงสีข้าว โรงเลื่อย รองเท้า
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ
5 สุดยอด สถานที่ท่องเที่ยว กัมพูชา
1. มหาปราสาทนครวัด
2. เมืองพระนครหลวง
ที่ก่อตั้ง
ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดของอาณาจักรขอม
ก่อนที่จะค่อย ๆ ล่มสลาย ภายในของเมือง จะประกอบด้วยปราสาทน้อยใหญ่ หลายปราสาทลานช้าง ลานพระเจ้าขี้เลื้อนแ ต่ไฮไลท์สำคัญ ของเมืองจะอยู่ที่ ปราสาทบายนความอัศจรรย์ ของปราสาทแห่งนี้คือ ยอดของปราสาทที่สร้างเป็น พระพักตร์
ของพระอวโลกิเคศวร หันหน้า ออก4 ทิศ ทั้ง 54 ยอด รวมทั้งหมด 216 หน้า และอย่าลืมแวะมาถ่ายรูปประตูเมืองพระนครทางทิศใต้ ที่เป็นอีก 1 จุด
ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
3. ปราสาทตาพรม
ปราสาทฮอลลีวู๊ด ที่เรียกปราสาทแห่งนี้ว่าปราสาทฮอลลีวู๊ด เพราะ ชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะรู้จัก
ปราสาทแห่งนี้จากการชมภาพยนต์เรื่อง ทูมเรเดอร์ เมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากด้วยความสวยงาม ของรากไม้ที่ปกคลุมเกาะเกี่ยวตัวปราสาทไม่ให้ พังทลายไปตามกาลเวลา
4. ปราสาทบันทายศรี
5.เขาพนมบาเค็ง
ชมพระอาทิตย์
อัสดงที่ภูเขาพนม บาเค็ง หลังจากที่ได้ชมกลุ่มปราสาทต่าง ๆ
ในเมืองเสียบเรียบกันแล้ว สถานที่สุดท้ายที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ เขาพนมบาเค็งเราจะได้ออกแรงเดินขึ้นเขานิดหน่อย เพื่อชมพระอาทิตย์อัสดงพร้อมชมวิวเมืองเสียมเรียบ 360องศา จากยอดปราสาท บาเค็งที่ตั้งอยู่บนภูเขาลูกนี้
แต่ถ้าหากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ที่นี่เค้าก็มีบริการขึ้นเขาโดยช้างแทนการเดิน
อาหารประจำชาติที่เป็นยอดนิยมและเป็นที่รู้จักของชาติต่าง
ๆ คือ ห่อหมกปลา
ดอกไม้ประจำชาติ
ลำดวนเป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งเพราะมีความหมายแฝงถึงความสดชื่นและกลมกลืน กลิ่นหอมเย็นมากลำดวนเป็นต้นไม้สำหรับสุภาพสตรีตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้านที่สำคัญต้องปลูกวันพุธ
ชุดประจำชาติ
ชุดประจำชาติของกัมพูชาคือ ซัมปอต (Sampot) หรือผ้านุ่งกัมพูชา ทอด้วยมือ มีทั้งแบบหลวมและแบบพอดี คาดทับเสื้อบริเวณเอว ผ้าที่ใช้มักทำจากไหมหรือฝ้าย หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ซัมปอตสำหรับผู้หญิงมีความคล้ายคลึงกับผ้านุ่งของประเทศลาวและไทย ทั้งนี้ ซัมปอดมีหลายแบบซึ่งจะแตกต่างกันไปตามชนชั้นทางสังคมของชาวกัมพูชา ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันจะใช้วัสดุราคาไม่สูง ซึ่งจะส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น นิยมทำลวดลายตามขวาง ถ้าเป็นชนิดหรูหราจะทอด้ายเงินและด้ายทอง
ชุดประจำชาติของกัมพูชาคือ ซัมปอต (Sampot) หรือผ้านุ่งกัมพูชา ทอด้วยมือ มีทั้งแบบหลวมและแบบพอดี คาดทับเสื้อบริเวณเอว ผ้าที่ใช้มักทำจากไหมหรือฝ้าย หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ซัมปอตสำหรับผู้หญิงมีความคล้ายคลึงกับผ้านุ่งของประเทศลาวและไทย ทั้งนี้ ซัมปอดมีหลายแบบซึ่งจะแตกต่างกันไปตามชนชั้นทางสังคมของชาวกัมพูชา ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันจะใช้วัสดุราคาไม่สูง ซึ่งจะส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น นิยมทำลวดลายตามขวาง ถ้าเป็นชนิดหรูหราจะทอด้ายเงินและด้ายทอง
อ้างอิง
http://www.thaigoodview.com/node/69515?page=0%2C1
http://www.thaigoodview.com/node/71518
http://www.thaigoodview.com/node/69515?page=0%2C3
http://www.thaigoodview.com/node/69515?page=0%2C8
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น