วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

ประเทศกัมพูชา

โดยนางสาวนฤมล แก้วเนียม
ประเทศกัมพูชา

 
          กัมพูชา ชื่ออย่างเป็นทางการว่า พระราชอาณาจักรกัมพูชา (เขมร: พฺระราชาณาจกฺรกมฺพุชาพระราชาณาจักรกัมพูชา")เป็นประเทศตั้งอยู่ในส่วนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   พื้นที่ 181,035ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนทิศตะวันตกติดต่อกับประเทศไทย ทิศเหนือติดกับประเทศไทยและลาว ทิศตะวันออกและทิศใต้ติดกับเวียดนาม และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดอ่าวไทย
     ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66ของโลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือประมาณ 95%ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจามและชาวเขากว่า 30เผ่า เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของกัมพูชา ราชอาณาจักรกัมพูชาปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ มีพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนีมาจากการเลือกตั้งโดยราชสภาเพื่อราชบัลลังก์ เป็นประมุขแห่งรัฐ ประมุขรัฐบาล คือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซนผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ปกครองกัมพูชามาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี
        ใน พ.ศ. 1345 พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราบดาภิเษกตนเป็นพระมหากษัตริย์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวรรดิขะแมร์อำนาจและความมั่งคั่งมหาศาลของจักรวรรดิขะแมร์ที่มีพระมหากษัตริย์ครองราชย์สมบัติสืบต่อกนมานั้นได้ครอบงำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากเป็นเวลากว่า 600ปี กัมพูชาถูกปกครองเป็นเมืองขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 กัมพูชาได้รับเอกราชในพ.ศ.2496สงครามเวียดนามได้ขยายเข้าสู่กัมพูชา ทำให้เขมรแดงขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งยึดกรุงพนมเปญได้ใน พ.ศ.2518กัมพูชาผงาดขึ้นอีกหลายปีให้หลังภายในเขตอิทธิพลสังคมนิยมเป็นสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา กระทั่ง พ.ศ. 2536 หลังจากหลายปีแห่งการโดดเดี่ยว ชาติซึ่งเสียหายจากสงครามก็ได้รวมเข้าด้วยกันอีกครั้งภายใต้ระบอบราชาธิปไตยในปีเดียวกันนั้นเอง
     ในการบูรณะประเทศหลังสงครามกลางเมืองนานหลายทศวรรษ กัมพูชามีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรมนุษย์ ประเทศกัมพูชาได้มีหนึ่งในบันทึกเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในเอเชีย โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 6.0% เป็นเวลานาน 10 ปี ภาคสิ่งทอ เกษตรกรรม ก่อสร้าง เสื้อผ้าและการท่องเที่ยวที่เข้มแข็งได้นำไปสู่การลงทุนจากต่างชาติและการค้าระหว่างประเทศในพ.ศ. 2548มีการพบแหล่งน้ำมันและแก๊สธรรมชาติใต้น่านน้ำอาณาเขตของกัมพูชา และเมื่อการขุดเจาะเชิงพาณิชย์เริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2556 รายได้จากน้ำมันสามารถมีผลต่อเศรษฐกิจกัมพูชาอย่างลึกซึ้ง
 

ข้อมูลทั่วไปประเทศกัมพูชา
คนทั่วไปรู้จักและให้ความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์กับประเทศกัมพูชาอยู่ 2 ประการคือ
  • เป็นแหล่งอารยะธรรมและราชธานีของอาณาจักรขอมโบราณที่ยิ่งใหญ่ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 - 16 แล้วล่มสลายไป คงเหลือหลักฐานปรากฎในรูปปราสาทหินโบราณจำนวนกว่า 1,700 ปราสาทกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป โดยมีปราสาทนครวัด ( Angkor Wat ) และกลุ่มปราสาทในนครธม ( Angkor Thom ) ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาชม
  • เป็นแหล่งที่เกิดการขัดแย้งทางการเมืองภายใน และการแทรกแซงจากภายนอก นำไปสู่การแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายฆ่าฟันกันเองของชาวกัมพูชาในช่วงทศวรรษที่ 1970 -1990 โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการล้มตายไปของประชาชนนับล้านคนในช่วงระยะเวลาเพียง 3 ปี 8 เดือน 20 วัน ที่ระบอบเขมรแดง ( Khmer Rouge Regime ; 17 April 1975 - 7 January 1979 ) ได้ปกครองดินแดนนี้ และองค์การสหประชาชาติเห็นความสำคัญและพยายามที่จะจัดตั้งศาลพิเศษขึ้นพิจารณาคดีเขมรแดง เพื่อให้ได้มาซึ่งเหตุจูงใจและข้อเท็จจริงที่นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ รวมทั้งการพิจารณาโทษต่อผู้มีส่วนร่วมให้เกิดเหตุดังกล่าว
ขณะที่ด้านเศรษฐกิจ การค้า และสังคมของกัมพูชาสำหรับบุคคลภายนอกนั้น เป็นที่รู้จักหรือรับรู้น้อยมาก ทั้งนี้ เนื่องจากภายหลังได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ.1953 เพียง 10 ปีเศษได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การปกครองชนิดที่เรียกว่าเป็นการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินหลายครั้ง กล่าวคือ ในปี 1970 เกิดการรัฐประหารเปลี่ยนการปกครองจากราชอาณาจักรไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ ปี 1975 เปลี่ยนเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ลัทธิเหมา ปี 1979 เปลี่ยนเป็นสังคมนิยมแบบเวียดนาม ปี 1989 เริ่มเปลี่ยนกลับสู่ระบบตลาด และจนท้ายสุดรัฐธรรมนูญปี 1993 ได้กำหนดให้ประเทศนี้เป็นราชอาณาจักร มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย ใช้ระบบเศรษฐกิจอาศัยกลไกการตลาดเสรีต่อเนื่องมาทุกวันนี้ กล่าวได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 30 ปีเศษที่ผ่านมา ทำให้คนส่วนมากโดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยเข้ามาทำงานหรือเข้ามาประกอบธุรกิจมีความมั่นใจเพียงพอที่จะกล่าวหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปทางด้านเศรษฐกิจ การค้าและสังคมในปัจจุบัน
       
นักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ ในฐานะหน่วยงานในสังกัดกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ของไทย ซึ่งมีหน้าที่สร้างความสัมพันธ์ทางการค้าทางเศรษฐกิจที่ดีกับกัมพูชา รวมทั้งต้องปฏิบัติการสนับสนุนการประกอบธุรกิจของภาคเอกชนไทยในทุกด้าน จึงเห็นความสำคัญที่จะจัดทำเอกสารรวบรวมและสรุปข้อมูลทางด้านการปกครอง สังคม การเมือง เศรษฐกิจการค้าและการลงทุนในกัมพูชา โดยเฉพาะที่เกี่ยวพันกับประเทศไทยขึ้น เพื่อเป็นเอกสารเผยแพร่แก่ผู้ที่มีความสนใจที่จะเข้ามาทำการค้า หรือมาลงทุนในประเทศนี้ ได้ศึกษาเป็นพื้นฐาน สร้างความรู้ความเข้าใจเป็นการเตรียมการในเบื้องต้น ดังนี้

การเมือง การปกครอง


       ราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกและมีพรมแดนทางบกติดต่อกับประเทศไทยเป็นระยะทางจากสันปันน้ำทิวเขาพนมดงรักถึงหลักเขตแดนที่ 1 (จังหวัดอุบลราชธานี) ต่อเนื่องลงมาทางใต้ จรดสันปันน้ำทิวเขาบรรทัด ถึงหลักเขตแดนที่ 73 (จังหวัดตราด) เป็นระยะทางประมาณ 798 กิโลเมตร มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์คือ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี ทรงเป็นประมุข ภายหลังจากได้รับเสียงสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะที่ปรึกษาราชบัลลังก์ (The Royal Council of the Throne) ตามมติเมื่อแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2547 ให้สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระราชบิดา (สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ซึ่งสละราชสมบัติ) โดยมีพระราชพิธีราชาภิเษกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2547 ทรงเป็นประมุขของประเทศที่มีขนาด 1 ใน 3 ของประเทศไทย ซึ่งมีประชากรประมาณ 13.8 ล้านคนเศษ ( ปี 2548 ) เป็นชาย 6.7 ล้านคนเศษ หญิง 7.1 ล้านคนเศษ แบ่งเขตการปกครองเป็น 20 จังหวัด ( เรียกว่า แขต ) กับอีก 4 กรุง โดยแต่ละจังหวัดหรือกรุง จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดหรือกรุงกับรองผู้ว่าฯ อีก 7 – 9 คน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามวาระของรัฐบาล ( 5 ปี ) เป็นผู้ปกครอง ทั้งนี้ จังหวัดจะแบ่งเขตการปกครองย่อยเป็นอำเภอ และตำบล ( เรียกเป็น สะร๊อก และ        คุ้ม “ ) ขณะที่กรุงจะแบ่งเขตการปกครองย่อยเรียกเป็น คาน และ สังกัด ทั้งนี้ หมู่บ้านหนึ่งๆ ซึ่งเป็นชุมชนย่อยลงไปจะเรียกว่า ภูมิ
         รัฐสภาของกัมพูชาเป็นสภาคู่ ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร ( National Assembly ) ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 120 คน มาจากการเลือกตั้งทั่วไปโดยทางตรงและลับ มีวาระ 5 ปี ปัจจุบันมีสมาชิก 123 คน และมีสมเด็จกรมพระ นโรดม รณฤทธิ์ เป็นประธาน กับ วุฒิสภา ( Senate ) ที่มีสมาชิกมากสุดไม่เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร มาจากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ 2 คน เลือกจากพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากโดยเปรียบเทียบ 2 คนและที่เหลือมาจากการเลือกตั้งโดยทางอ้อม มีวาระ 6 ปี ( ปัจจุบันมีสมาชิก 61 คน ) และมีสมเด็จ เจีย ซิม เป็นประธาน ( ตำแหน่ง สมเด็จ เป็นตำแหน่งที่กษัตริย์สีหนุโปรดเกล้าพระราชทานแก่สามัญชนผู้ทำคุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศ ปัจจุบันมีผู้ได้รับตำแหน่งและยังมีชีวิตอยู่อีก 2 คน คือ สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จ เฮง สัมรินทร์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานกิตติมศักดิ์พรรคประชาชนกัมพูชา)
       รัฐบาลปัจจุบันจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2547 หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2546 เกือบ 1 ปี โดยเป็นรัฐบาลผสม 2 พรรคการเมือง ระหว่างพรรคประชาชนกัมพูชา ที่มี 73 ที่นั่ง ( CPP ; Cambodian People Party ) กับพรรคฟุนซินเป็ค ซึ่งมี 26 ที่นั่ง (FUNCINPEC ; National United Front for an Independent, Neutral, Peaceful and Cooperative Cambodia)       มีสมเด็จฮุน เซนเป็นนายกรัฐมนตรี จัดการบริหารเป็น 26 กระทรวง 2 ทบวง โดยมีพรรคสม รังสี ซึ่งมี 24 ที่นั่ง ( SRP ; Sam Rainsy Party ) เป็นพรรคฝ่ายค้าน
     การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกัมพูชา ใช้ระบบแบ่งเขตแล้วเลือกตามบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง ในสัดส่วนประชากร 100,000 คนต่อสมาชิกสภา 1 ที่นั่ง ทั้งนี้ ชาวกัมพูชาอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี จึงมีสิทธิลงคะแนน โดยผู้ที่ได้สัญชาติกัมพูชาโดยการเกิดอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และ 40 ปี เท่านั้น จึงมีสิทธิรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน และสมาชิกวุฒิสภาตามลำดับ
       อนึ่ง หลังได้รับเลือกตั้ง หากสมาชิกพรรคการเมืองใดพ้นสภาพก่อนครบวาระของสภา พรรคการเมืองนั้นๆ สามารถส่งคนของตนเข้ามารับตำแหน่งและทำหน้าที่แทนทำให้เมื่อพรรคการเมืองใดสามารถจัดตั้งเป็นรัฐบาลก็จะเป็นรัฐบาลที่สามารถบริหารประเทศได้ค่อนข้างจะมีความมั่นคงตลอดวาระ 5 ปี ทำให้การเลือกตั้งแต่ละครั้งจะแข่งขันกันรุนแรง
 

ศาสนา สังคม และประชากร
      

       ศาสนาพุทธลัทธิเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ปัจจุบันเป็นที่นับถือประชาชนประมาณร้อยละ 90 ของประเทศ ประกอบด้วย 2 นิกาย คือ ฝ่ายมหานิกาย มีสมเด็จพระมหาสุเมธาธิบดี ( เทพ วงศ์ ) สมเด็จพระสังฆราช วัดอุณาโลม เป็นประมุข กับฝ่ายนิกายธรรมยุติ มีสมเด็จพระสุคนธาธิบดี( บัว คลี่ ) สมเด็จพระสังฆราช วัดบัวตูม เป็นประมุข ประชาชนส่วนที่เหลือประมาณร้อยละ 10 จะนับถือศาสนาอิสลาม คริสต์ และอื่นๆ
         จากการที่พุทธศาสนาเป็นศาสนาหลัก ทำให้ประเพณีปฏิบัติต่างๆ ของประชาชนชาวกัมพูชาจะสอดคล้องใกล้เคียงกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยผู้สูงอายุจะเข้าวัดฟังธรรม เมื่อมีงานบุญตามประเพณี ประชาชนหนุ่มสาวและเด็กจะร่วมแรงช่วยเหลือจัดการงานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ จะมีงานบุญประเพณีที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาตามจันทรคติเช่นเดียวประเทศไทยเป็นวันหยุดราชการ ได้แก่ วันมาฆบูชา, วันปีใหม่เขมร ( Khmer New Year ) ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์จะหยุดราชการในวันที่ 14 – 16 เมษายนทุกปี, วันวิสาบูชา วันสาร์ทเขมรซึ่งตรงกับ วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 (เรียกว่างานวันปรอจุมเบณ , Pchum Ben day) โดยจะหยุดราชการ 3 วัน ตั้งแต่วันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 จนขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 และงานวันลอยกระทง ( Water Festival ) เรียกว่างานบุญอมตุก หรืองานแข่งเรือ เพราะจะมีเรือจากจังหวัดต่างๆมาแข่งฝีพายกันหน้าพระบรมมหาราชวัง จะหยุดราชการ 3 วัน ตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เป็นต้น

          หากจะกล่าวโดยภาพรวมแล้ว ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมและประเพณีของกัมพูชาและไทยจะใกล้เคียงกันในทุกเรื่อง รวมทั้งภาษา ถ้อยคำ พยัญชนะ สระ ตัวอักษร คำศัพท์ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้ถูกหยิบยืมแลกเปลี่ยนใช้สืบเนื่องกันมาและตกค้างในแต่ละฝ่ายจำนวนหนึ่ง เนื่องจากตลอดระยะ 30 ปีก่อนที่เขมรทั้ง 4 ฝ่ายจะลงนามในสัญญายุติข้อขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกัน ( the Agreement on a Comprehensive Political Settlement of the Cambodian Conflict ) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2534 ชาวกัมพูชาต้องรบราฆ่าฟันกันเอง ทั้งที่เกิดจากการขัดแย้งกันภายในและมูลเหตุชักจูงจากภายนอก ได้ทำให้ผู้มีการศึกษา ปัญญาชนและประชาชนจำนวนมากต้องล้มตาย ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ในเวลานั้น ต่างคำนึงแต่จะหนีตาย เป็นผู้ลี้ภัยสงครามกระจายไปในประเทศต่างๆ กล่าวได้ว่าเกิดสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดทั่วหัวระแหง ผู้ที่มีชีวิตในช่วงนั้น เคยเปรียบให้ฟังว่า มีถนนก็ไม่มีคนเดิน มีบันไดก็ไม่มีคนขึ้น การศึกษาและสังคมขาดการพัฒนาไปช่วงหนึ่ง เพื่อเห็นภาพขอยกคำกล่าวของท่านนายกรัฐมนตรีสมเด็จ ฮุน เซน ในโอกาสเปิดการประชุมชี้แจงนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลต่อประชาคมนานาชาติ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548 ณ โรงละครจตุมุข กรุงพนมเปญ ตอนหนึ่งระบุว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา(นับจากปี 1991) กัมพูชาได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ไม่เพียงแต่การเมืองและความมั่นคง ยังรวมถึงด้านสังคมและเศรษฐกิจ หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่า เมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้ว หลังการล่มสลายของระบอบการปกครองเขมรแดง(ปี 1979) ช่วงนั้นในกรุงพนมเปญมีผู้อยู่อาศัยและทำงานอยู่เพียง 70 คน แต่เวลานี้มีชาวกัมพูชามากกว่า 1 ล้านคนทำงานและยังชีพอยู่ในเมืองหลวง(ในอดีต) ที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็น เพชรแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ก่อนที่จะเกิดสงคราม
          การสัมโนประชากรครั้งล่าสุดเมื่อปี 1998 กัมพูชามีประชากร 11,426,223 คน หากประเมินการขยายตัวของประชากรที่อัตราร้อยละ 2.4 ต่อปีแล้ว ประมาณได้ว่าประชากรของกัมพูชาในปี 2548 จะมี 13.8 ล้านคน เป็นหญิงประมาณร้อยละ 51 ชายร้อยละ 49 โดยประชากรเกือบครึ่งหนึ่งจะมีอายุไม่ถึง 20 ปี เปรียบเสมือนกำลังแรงงานในอนาคตที่จะรองรับการลงทุนในทุกด้าน ทำให้นักลงทุนจากประเทศต่างๆ มองเห็นโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากค่าแรงงานที่ต่ำกว่าประเทศอื่นโดยเปรียบเทียบ ศึกษาและหาลู่ทางย้ายฐานการผลิตมายังประเทศนี้ หากการเมืองมีความมั่นคง และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนมากเพียงพอที่จะจูงใจ ทั้งนี้ จังหวัดที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน ได้แก่ กัมปงจาม กรุงพนมเปญ กันดาล พระตะบองและไพรเวง จังหวัดที่มีประชากร 500,000 – 1,000,000 คน ได้แก่ จังหวัดตาแก้ว เสียมราฐ กัมปอต กัมปงธม กัมปงสปือ กัมปงชนัง สวายเลียงและบันเตียเมียนจัย

ระบบคมนาคม


        ทางรถไฟ มีเส้นทางรถไฟสำคัญ 2 สาย ได้แก่ กรุงพนมเปญ – ศรีโสภณ และกรุงพนมเปญ   – กัมปงโสม มีความยาวรวมทั้งสิ้น 702 กิโลเมตร ขณะนี้ รัฐบาลกัมพูชาอยู่ในระหว่างการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟช่วงศรีโสภณ -ปอยเปต ระยะทาง 48.. เพื่อเชื่อมต่อกับทางรถไฟของไทยที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อรองรับโครงการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์ -คุนหมิง                      
       ทางรถยนต์ มีความยาวรวมกัน 14,790กิโลเมตร แต่อยู่ในสภาพใช้การได้ดีเพียง 2,600 กิโลเมตร เส้นทางสำคัญได้แก่ 
        1) เส้นทางหมายเลข 1 กรุงพนมเปญ – บ๋าแว็ต (ชายแดนเวียดนาม) ระยะทาง 165 กิโลเมตร    งต่อไปถึงนครโฮจิมินห์ของเวียดนามอีก 68กิโลเมตร)
        2)เส้นทางหมายเลข 4กรุงพนมเปญ –กรุงพระสีหนุ (กัมปงโสม)ระยะทาง 246 กิโลเมตร              
        3) เส้นทางหมายเลข 5 กรุงพนมเปญ – ปอยเปต ระยะทาง 402 กิโลเมตร
       4) เส้นทางหมายเลข 6 เสียมราฐ – ศรีโสภณระยะทาง 106 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังมีถนนอีก 2 สายที่ไทยให้ความช่วยเหลือในการก่อสร้างเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการขนส่งระหว่างไทยกับกัมพูชา ได้แก่ ถนนหมายเลข 67 (สะงำ - อันลองเวง - เสียมราฐ) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยกับภาคเหนือของกัมพูชาและจังหวัดเสียมราฐและถนนหมายเลข 48 (เกาะกง – สแรอัมเบิล) เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างภาคตะวันออกของไทย                                                                                                           
         ทางน้ำ มีท่าเรือระหว่างประเทศที่กรุงพนมเปญและกรุงพระสีหนุ (กัมปงโสม) และมี เส้นทางเดินเรือภายในประเทศตามลำแม่น้ำโขง แม่น้ำทะเลสาบ และแม่น้ำบาสัก                               
         ทางอากาศ มีท่าอากาศยานที่สำคัญ 2 แห่ง คือ ท่าอากาศยานนานาชาติโปเชนตง กรุงพนมเปญ และท่าอากาศยานเมืองเสียมราฐ กับมีท่าอากาศยานสำรองเพื่อการขนส่งสินค้าที่จังหวัดกำปงชนัง และท่าอากาศยานขนาดเล็กที่กรุงพระสีหนุ 
ลักษณะภูมิประเทศ

ภูมิประเทศ
  -    ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ประกอบด้วยที่ราบรอบทะเลสาบเขมร และที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
  - มีทิวเขาล้อมรอบทางเหนือ     คือ  เทือกเขาพนมดงรัก เทือกเขาบรรทัด เทือกเขาอันนัม          มีลักษณะคล้ายภูมิประเทศคลายชามหรืออ่าง มีภูเขาล้อมรอบ 3 ด้าน ได้แก่
            -   ด้านตะวันออกมีแนวเทือกเขาอันนัม ที่เป็นพรมแดนกับประเทศเวียดนาม
 -   ด้านเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือมีแนวเทือกเขาพนมดงรักที่เป็นพรมแดนกับประเทศไทย
  -    ด้านใต้และตะวันตกใต้มีแนวเทือกเขาบรรทัดที่เป็นแนวพรมแดนกับประเทศไทย
  -    เฉพาะด้านตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้นที่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง

ภูมิอากาศ
มีอากาศมรสุมเขตร้อนเป็นแบบร้อนชื้นแถบมรสุมร้อนชื้มีฤดูฝนยาวนาน อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 20-36 องศาเซลเซียส
ฤดูฝนเริ่มจากเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม
ฤดูแล้งเริ่มจากเดือนพฤศจิกายน-เมษายน เดือนเมษายนมีอุณหภูมิสูงสุด ที่เดือนมาราคมมีอุณหภูมิต่ำที่สุด เดือนตุลาคมมีฝนตกชุกที่สุด
 
แผนที่



ลักษณะเศรษฐกิจ

      1.เกษตรกรรม อยู่บริเวณที่ราบภาคกลาง รอบทะเลสาบเขมร พืชที่สำคัญคือ ข้าวเจ้า ยางพารา พริกไทย
                  2.การประมง บริเวณรอบทะเลสาบเขมร เป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญที่สุดในภูมิภาค

                  3.การทำป่าไม้ บริเวณเขตภูเขาทางภาคเหนือ โดยล่องมาตามแม่น้ำโขง

                  4.การทำเหมืองแร่ ยังไม่ค่อยสำคัญ

        5.อุตสาหกรรม เป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อม ส่วนใหญ่เป็นโรงสีข้าว โรงเลื่อย รองเท้า
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ
 
         5 สุดยอด สถานที่ท่องเที่ยว กัมพูชา     

1.              มหาปราสาทนครวัด
 
 
         สถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในประเทศกัมพูชา ที่มีชื่อเสียงเกรียงไกร ดึงดูด ชาวต่างชาติ หลายหลายภาษาและวัฒนธรรมเข้ามาท่องเที่ยวและทำความรู้จักกับประเทศกัมพูชา ตามประวัติแล้ว ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้น เพื่อเป็นศาสนสถานอุทิศถวายพระวิษณุ ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และ สิ่งที่สร้างชื่อให้แก่ปราสาทแห่งนี้ ก็คือ ความยิ่งใหญ่ ของตัวปราสาท ที่เริ่มตั้งแต่สะพานนาคและ คูน้ำรอบรอบตัวปราสาท องค์ปราง 5 ยอด และ ระเบียง คต ภายในตัวปราสาท ที่รอบ ๆ ผนังของระเบียงคตจะ ถูกแกะสลักรูปนางอัปสรา มากกว่า 1000 องค์ โดยที่แต่ละองค์ จะมีเครื่องแต่งกายและ ทรงผม ไม่ซ้ำแบบกันเลย และ จะมีเพียงองค์เดียวเท่านั้นที่ยิ้มเห็นฟัน ถ้ามีโอกาสได้ไป ต้อง ลองหาดู ว่า นางอัปสราองค์นี้อยู่ตรงไหน ถัดเข้าไปดุด้านในอีกชั้น จะเป็น ผนังรอบปรางค์ประธานทั้ง 4 ด้าน ที่มีการแกะสลักเรื่องราว เกี่ยวกับศาสนาฮินดู และ การยกทัพสู้รบในอดีต โดยเฉพาะระเบียงตะวันออก ด้านทิศใต้ ที่แกะสลักเป็นเรื่องราวของการกวนเกษียรสมุทร และ ระเบียงทิศใต้ ด้านตะวันตก ที่แกะสลักเรื่องราวกองทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่สอง ที่แสดง ให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของชนชาติขอมในสมัยนั้น และ ถ้าหากได้มีโอกาสขึ้นไป บนยอด ของปรางประธาน เราสามารถชมวิวเมืองนครวัด ในมุมสูง ที่สวยงามมาก
 
2.  เมืองพระนครหลวง

                ที่ก่อตั้ง ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดของอาณาจักรขอม ก่อนที่จะค่อย ๆ ล่มสลาย ภายในของเมือง จะประกอบด้วยปราสาทน้อยใหญ่ หลายปราสาทลานช้าง ลานพระเจ้าขี้เลื้อนแ ต่ไฮไลท์สำคัญ ของเมืองจะอยู่ที่ ปราสาทบายนความอัศจรรย์ ของปราสาทแห่งนี้คือ ยอดของปราสาทที่สร้างเป็น พระพักตร์ ของพระอวโลกิเคศวร หันหน้า ออก4 ทิศ ทั้ง 54 ยอด รวมทั้งหมด 216 หน้า และอย่าลืมแวะมาถ่ายรูปประตูเมืองพระนครทางทิศใต้ ที่เป็นอีก 1 จุด ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
3.  ปราสาทตาพรม

 
ปราสาทฮอลลีวู๊ด ที่เรียกปราสาทแห่งนี้ว่าปราสาทฮอลลีวู๊ด เพราะ ชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะรู้จัก ปราสาทแห่งนี้จากการชมภาพยนต์เรื่อง ทูมเรเดอร์ เมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากด้วยความสวยงาม ของรากไม้ที่ปกคลุมเกาะเกี่ยวตัวปราสาทไม่ให้ พังทลายไปตามกาลเวลา
4. ปราสาทบันทายศรี




              เป็นปราสาทที่สร้างด้วยหินทรายสีชมพู เป็นเอกลักษณ์ไม่มีที่ไหนเหมือนความพิเศษของปราสาทแห่งนี้ คือ ลวดลายแกะสลักที่สวยงาม และ ละเอียดลออ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมหากาพย์รามเกียรติ์ ด้วยความโดดเด่นทางด้านศิลปะ และการแกะสลักที่สวยงาม ทำให้ปราสาทแห่งนี้ได้ชื่อว่า รัตนชาติของปราสาทขอม
5.เขาพนมบาเค็ง


 
             ชมพระอาทิตย์ อัสดงที่ภูเขาพนม บาเค็ง หลังจากที่ได้ชมกลุ่มปราสาทต่าง ๆ ในเมืองเสียบเรียบกันแล้ว สถานที่สุดท้ายที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ เขาพนมบาเค็งเราจะได้ออกแรงเดินขึ้นเขานิดหน่อย เพื่อชมพระอาทิตย์อัสดงพร้อมชมวิวเมืองเสียมเรียบ 360องศา จากยอดปราสาท บาเค็งที่ตั้งอยู่บนภูเขาลูกนี้ แต่ถ้าหากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ที่นี่เค้าก็มีบริการขึ้นเขาโดยช้างแทนการเดิน
       สกุลเงิน


        อาหารประจำชาติ

 
อาหารประจำชาติที่เป็นยอดนิยมและเป็นที่รู้จักของชาติต่าง ๆ คือ ห่อหมกปลา
ดอกไม้ประจำชาติ
 

ลำดวนเป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งเพราะมีความหมายแฝงถึงความสดชื่นและกลมกลืน กลิ่นหอมเย็นมากลำดวนเป็นต้นไม้สำหรับสุภาพสตรีตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้านที่สำคัญต้องปลูกวันพุธ                                                                                                           

ชุดประจำชาติ


ชุดประจำชาติของกัมพูชาคือ ซัมปอต (Sampot) หรือผ้านุ่งกัมพูชา ทอด้วยมือ มีทั้งแบบหลวมและแบบพอดี คาดทับเสื้อบริเวณเอว ผ้าที่ใช้มักทำจากไหมหรือฝ้าย หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ซัมปอตสำหรับผู้หญิงมีความคล้ายคลึงกับผ้านุ่งของประเทศลาวและไทย ทั้งนี้ ซัมปอดมีหลายแบบซึ่งจะแตกต่างกันไปตามชนชั้นทางสังคมของชาวกัมพูชา ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันจะใช้วัสดุราคาไม่สูง ซึ่งจะส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น นิยมทำลวดลายตามขวาง ถ้าเป็นชนิดหรูหราจะทอด้ายเงินและด้ายทอง


อ้างอิง
 
                                           http://www.thaigoodview.com/node/69515?page=0%2C1
 
                                           http://www.thaigoodview.com/node/71518
 
                                          http://www.thaigoodview.com/node/69515?page=0%2C3
 
                                          http://www.thaigoodview.com/node/69515?page=0%2C8











                                         














 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น