การเข้ามาของสเปนในไทย
![]() |
แผนที่ประเทศไทย |
![]() |
แผนที่ประเทศสเปน |
ความสัมพันธ์ของไทย – สเปน ในอดีต
สเปน (อังกฤษ: Spain; สเปน: España)หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรสเปน (อังกฤษ: Kingdom of Spain; สเปน: Reino de España)เป็นประเทศทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ตั้งอยู่บนคาบสมุทรไอบีเรียร่วมกับโปรตุเกสและอันดอร์รา สเปนมีพรมแดนติดกับฝรั่งเศสทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตามแนวเทือกเขาพิเรนีสชนชาติต่าง ๆ ได้เข้ามามีอิทธิพลในดินแดนที่เป็นประเทศสเปนตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น เคลต์ ไอบีเรียน โรมัน วิซิกอท และมัวร์ ในยุคกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การปกครองของชาวมุสลิมเป็นเวลาอย่างน้อยห้าร้อยปี ชาวมัวร์ยังคงหลงเหลืออยู่ในคาบสมุทรไอบีเรียจนกระทั่ง
ในปี ค.ศ. 1492 (พ.ศ.2035)ซึ่งเป็นปีที่ราชอาณาจักรคาสตีลและอารากอนสามารถขับไล่ชาวมัวร์ออกไปได้สำเร็จหลังจากเกิดกระบวนการพิชิตดินแดนคืนที่ยาวนานถึง770ปี และในปีเดียวกัน คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสยังได้ค้นพบโลกใหม่ นำไปสู่การกำเนิดจักรวรรดิสเปนที่แผ่ขยายไปทั่วโลก สเปนกลายเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในยุโรปขณะนั้น แต่สงครามที่มีอย่างต่อเนื่องและปัญหาอื่น ๆ ก็ทำให้ความยิ่งใหญ่ของประเทศลดลงไป ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 สเปนมีการปกครองระบอบเผด็จการ แต่ปัจจุบันปกครองโดยพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญและรัฐสภา ที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ตั้งแต่มีการผ่านรัฐธรรมนูญของสเปนเมื่อปี ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521)
ประวัติศาสตร์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์และก่อนโรมัน
สเปน
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับราชอาณาจักรสเปน
ฝ่ายไทย
อ้างอิง
หลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์แรกสุดของมนุษย์วานรโฮมินิดส์ที่อาศัยอยู่ในยุโรปถูกค้นพบที่ถ้ำอาตาปวยร์กา(Atapuerca)ในสเปน ซึ่งกลายเป็นกุญแจสำคัญของการศึกษาบรรพชีวินวิทยาของโลก เนื่องจากได้ค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่มีอายุประมาณ 1 ล้านปีที่นั่นด้วย
มนุษย์สมัยใหม่พวกโครมันยองได้เริ่มเข้ามาในคาบสมุทรไอบีเรียจากทางเหนือของเทือกเขาพิเรนีสเมื่อ35,000ปีมาแล้ว สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์คือ ภาพวาดที่มีชื่อเสียงในถ้ำอัลตามีราทางภาคเหนือ เขียนขึ้นเมื่อ 15,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช และได้รับการยกย่องร่วมกับภาพเขียนที่ปรากฏในถ้ำลาสโก ประเทศฝรั่งเศส ในฐานะตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของจิตรกรรมถ้ำ วัฒนธรรมเมืองแรกเริ่มสุดที่ถูกอ้างถึงในเอกสารได้แก่ เมืองกึ่งโบราณทางภาคใต้ที่มีชื่อว่า (Tartessos) มีอายุประมาณก่อน1,100 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ ชาวฟีนิเชีย กรีก และคาร์เทจที่ท่องไปตามท้องทะเลได้เข้ามาตั้งหลักแหล่งตามชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนหลายครั้งและได้ตั้งอาณานิคมการค้าขึ้นที่นั่นอยู่เป็นเวลาหลายศตวรรษ
ประมาณ 1,100 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ พ่อค้าชาวฟีนิเชียได้มาตั้งสถานีการค้าที่เมืองกาดีร์ (ปัจจุบันคือเมืองกาดิซ)ใกล้กับตาร์เตสโซส ในศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสต์ศักราช นิคมชาวกรีกแห่งแรก ๆ เช่น เอมโพเรียน (เอมปูเรียสในปัจจุบัน) เป็นต้น เกิดขึ้นตามชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันออก ส่วนชายฝั่งทางใต้เป็นนิคมฟีนิเชีย
เมื่อถึง 600ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ ชาวคาร์เทจได้มาถึงไอบีเรียขณะที่เกิดการต่อสู้กับชาวกรีก(และชาวโรมันในเวลาต่อมา) เพื่อควบคุมบริเวณเมดิเตอร์เรเนียนตะวันตก อาณานิคมคาร์เทจที่สำคัญที่สุดคือ คาร์ทาโกโนวา (Carthago Nova) ซึ่งเป็นชื่อภาษาละตินของเมืองการ์ตาเฮนาในปัจจุบัน ชาวคาร์เทจได้ครอบครองชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนเป็นเวลาสั้น ๆ ในช่วงสงครามพิวนิก จนกระทั่งถูกชาวโรมันพิชิตและขับไล่ออกไปในที่สุด
ชนพื้นเมืองที่ชาวโรมันพบขณะที่ขยายอำนาจเข้าไปในบริเวณสเปนปัจจุบันนั้น คือพวกไอบีเรียน (Iberians) อาศัยอยู่ตั้งแต่ส่วนตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรตลอดจนถึงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพวกเคลต์(Celts) ที่ส่วนใหญ่ตั้งหลักแหล่งอยู่ทางเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทร ส่วนทางตอนในซึ่งเป็นที่ที่ชนทั้งสองกลุ่มได้เข้ามาติดต่อกัน ได้เกิดกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรมแบบผสมและเป็นลักษณะเฉพาะตัว คือ เคลติเบเรียน (Celtiberian)
คริสต์ศตวรรษที่ 20
ในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20ประเทศสเปนก็ยังไม่อยู่ในความสงบเท่าใดนัก ชาวสเปนบางคนพยายามจะจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน(ระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ) และผลักดันให้กษัตริย์ออกไปจากประเทศ อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1936 (พ.ศ. 2479) ความขัดแย้งระหว่างชาวสเปนกลุ่มที่นิยมประชาธิปไตยกับชาวสเปนที่นิยมเผด็จการได้ก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองสเปนขึ้น จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1939 (พ.ศ. 2482) ฝ่ายนิยมประชาธิปไตยพ่ายแพ้ และผู้นำเผด็จการที่มีชื่อว่า ฟรันซิสโก ฟรังโก ก็ได้เข้ามามีอำนาจในรัฐบาล
หลังจากจอมพลฟรังโกถึงแก่อสัญกรรมในปี ค.ศ. 1975 (พ.ศ. 2518)เจ้าชายควน การ์โรส (Prince Juan Carlos) ผู้เป็นพระราชนัดดาของกษัตริย์สเปนที่ถูกผลักดันให้ออกจากประเทศ ทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งสเปน จากการรับรองรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสเปน ปี ค.ศ. 1978 การเข้ามาของระบอบประชาธิปไตยได้ทำให้แคว้นบางแห่ง ได้แก่ บาสก์ และนาวาร์ ได้รับอัตตาณัติ (ความเป็นอิสระ) ทางการเงินอย่างสมบูรณ์ และแคว้นหลายแห่ง ได้แก่ บาสก์ คาเทโลเนีย กาลิเซีย และอันดาลูเซียก็ได้รับสิทธิในการปกครองตนเอง ซึ่งต่อมาก็ได้ขยายไปสู่แคว้นอื่น ๆ ในสเปนเช่นกัน ทำให้สเปนกลายเป็นเป็นประเทศที่มีการกระจายอำนาจทางการปกครองมากที่สุดในยุโรปตะวันตก แต่ในแคว้นบาสก์ยังคงมีลัทธิชาตินิยมหัวรุนแรงซึ่งสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้ายขององค์การเพื่อมาตุภูมิและอิสรภาพบาสก์หรือ"เอตา" (ETA) ซึ่งก่อตั้งในปี ค.ศ. 1959 ให้ก่อวินาศกรรมเพื่อแยกแคว้นนี้เป็นประเทศเอกราช อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2011กลุ่มนี้ก็ได้ประกาศวางอาวุธอย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่รัฐธรรมนูญสเปนฉบับปัจจุบันผ่านความเห็นชอบในปี ค.ศ.1978 (พ.ศ. 2521) ประเทศสเปนมีนายกรัฐมนตรี (Presidentes del Gobierno) มาแล้ว 5 คน ได้แก่
นายอาดอลโฟซัวเรซกอนซาเลซ(Adolfo Suárez González)ค.ศ. 1977-1981 (พ.ศ. 2520-2524)
นายเลโอปอลโด กัลโบ โซเตโล อี บุสเตโล (LeopoldoCalvoSotelo y Bustelo)ค.ศ. 1981-1982 (พ.ศ. 2524-2525)
นายเฟลีเปกอนซาเลซมาร์เกซ(Felipe González Márquez)ค.ศ. 1982-1996 (พ.ศ. 2525-2539)
นายโคเซ มารีอา อัซนาร์โลเปซ (José María Aznar López) ค.ศ. 1996-2004 (พ.ศ. 2539-2547)
นายโคเซ ลุยส์โรดรีเกซ ซาปาเตโร (José Luis Rodríguez Zapatero) ค.ศ. 2004-2011 (พ.ศ. 2547-2554)
นายมาเรียโน ราโคยเบรย์ (Mariano RajoyBrey) ค.ศ.2011-ปัจจุบัน
ทุกวันนี้ สเปนเป็นประเทศประชาธิปไตยสมัยใหม่ ทำธุรกิจติดต่อค้าขายกับหลายประเทศในโลก รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป และใช้สกุลเงินยูโรในฐานะสกุลเงินประจำชาติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541
กุลกุมุท สิงหรา ณ อยุธยา อธิบดีกรมยุโรป
มีหลักฐานจากการค้นคว้าของฝ่ายสเปนว่าเมื่อปี ค.ศ. 1540 ( พ.ศ.2083 ) นาย Pero Diaz เป็นชาวสเปนคนแรกที่เดินทางมาไทย โดยขึ้นฝั่งที่จังหวัดปัตตานี เมืองขึ้นของอยุธยา ในสมัยพระไชยราชาธิราช นับเป็นชาวยุโรปชาติที่ 2 ที่เดินทางมาไทยในสมัยนั้น ต่อจากชาวโปรตุเกสซึ่งเดินทางมาไทยในสมัยพระรามาธิบดีที่ 2เมื่อราวปี พ.ศ. 2061 ต่อมาในสมัยพระมหาธรรมราชา ในปี พ.ศ. 2129 นาย Santiago de Vera ข้าหลวงสเปนที่ปกครองฟิลิปปินส์ได้ส่งคณะผู้แทนเดินทางมาเปิดความสัมพันธ์ กับอยุธยา ซึ่งกษัตริย์ไทยให้ความสนใจ แต่ก็มิได้ดำเนินการอย่างไรต่อไป
ในสมัยพระนารายณ์มหาราช ไทยกับสเปน ได้ติดต่อค้าขายกันโดยผ่านทางฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นอาณานิคมของสเปน โดยไทยส่งออกไม้และตะกั่ว ที่จำเป็นสำหรับการต่อเรือให้สเปนและซื้อสินค้าประเภทอาวุธจากสเปนแต่ความ สัมพันธ์ทางการค้าและอื่นๆไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าไรนัก เนื่องจากสเปนมีคู่แข่งคือโปรตุเกส ซึ่งวางรากฐานทางการค้าไว้อย่างมั่นคงแล้ว ในขณะที่การเผยแพร่ศาสนาคริสต์ของสเปนก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะกษัตริย์ไทยและชาวไทยไม่ได้ให้ความสนใจแต่อย่างใด
หลังจากรัชสมัยพระนารายณ์ ช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา กษัตริย์ไทยรัชกาลต่อๆมา ไม่โปรดปรานชาวตะวันตก เพราะเกรงว่าจะเข้ามายึดครองไทยและครอบงำทางศาสนา จึงขับไล่ทั้งฝรั่งเศส โปรตุเกส ฮอลันดา และสเปนออกไปจากประเทศเป็นจำนวนมาก
ชาวยุโรปเริ่มเข้ามาเมืองไทยอีกครั้งตั้งแต่รัชกาลที่2แห่งกรุงรัตนโกสินทร์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรัชกาลที่ 4ถือเป็นยุคสำคัญของการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างระหว่างไทยกับประเทศตะวันตกซึ่ง กำลังล่าเมืองขึ้นในเอเชียอย่างขะมักเขม้น
สเปนและไทยได้ทำสนธิสัญญาทางไมตรี การพาณิชย์ และการเดินเรือ ( Treaty of Friendship, Commerce and Navigation ) ซึ่งถือเป็นการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่23 กุมภาพันธ์ 2413 ( ค.ศ. 1870 ) ในรัชกาลที่ 5ช้ากว่าที่ไทยทำกับประเทศตะวันตกอื่นๆกว่า 10 ปี
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2426ไทยได้ตั้งอัครราชทูตประจำยุโรปให้ดำรงตำแหน่งอัครราชทูตไทยประจำกรุงมาดริด ด้วย และในปี พ.ศ. 2504ได้ยกระดับเป็นสถานเอกอัครราชทูตโดยได้ตั้งเอกอัครราชทูตไทยคนแรกไปประจำ กรุงมาดริดเมื่อ พ.ศ. 2506
นอกจากสถานเอกอัครราชทูตแล้ว ที่กรุงมาดริด ไทยยังมีสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารและทหารเรือ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และสำนักงานการบินไทย นอกจากนี้ มีสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ไทยอีก 2 แห่ง ที่นครบาร์เซโลน่า และที่หมู่เกาะคานารี
สเปน
สเปนนั้น เป็นชาวยุโรปชาติที่ ๓ ที่เข้ามากรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. ๒๑๔๐ ได้ส่งทูตจากกรุงมนิลา ชื่อ ฮวน เตลโล เด อากวีร์เร เข้ามาในรัชกาลสมเด็จ พระนเรศวรมหาราช และได้ทำสัญญาพันธไมตรีและการค้ากับประเทศไทย แต่การติดต่อดำเนินไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประ เทศเริ่มขึ้นอีกในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่เป็นไปในลักษณะการค้ามากกว่าการทูต และใน พ.ศ. ๒๒๐๕ ชาวสเปนจากมนิลาก็เข้ามาค้าขายยังกรุงศรีอยุธยาอีก
ถึง พ.ศ. ๒๒๖๐ ทั้งสองฝ่ายได้เซ็นสัญญาพันธไมตรีและการค้าขึ้นอีกฉบับหนึ่ง ฝ่ายสเปนได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานีการค้าขึ้นบนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แต่การค้าขายระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้ดำเนินไปด้วยดีเท่าที่ควร และเสื่อมไปในที่สุด เพราะพ่อค้าสำเภาจากไทยถูกขัดขวางไม่ให้ค้าที่มนิลาได้สะดวก
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับราชอาณาจักรสเปน
ด้านการทูต
สเปนเริ่มติดต่อกับไทยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2413 (ค.ศ. 1870) ซึ่งทั้งสองประเทศได้ลงนามในสนธิสัญญาทางไมตรี การพาณิชย์ และการเดินเรือ (Treaty of Friendship, Commerce and Navigation) และนับตั้งแต่ปี 2426 (ค.ศ.1883)ไทยได้แต่งตั้งอัครราชทูตประจำประเทศยุโรปให้ดำรงตำแหน่งอัครราชทูตไทยประจำกรุงมาดริดด้วยอีกตำแหน่ง โดยแต่งตั้งให้หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ ชุมสาย อัครราชทูตประจำกรุงลอนดอนดำรงตำแหน่งอัครราชทูตไทยประจำกรุงมาดริดเป็นคนแรก และทั้งสองฝ่ายได้ยกฐานะสถานอัครราชทูตขึ้นเป็นสถานเอกอัครราชทูตฯ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2504 (ค.ศ. 1961)
ไทยได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตขึ้นเป็นครั้งแรก ณ กรุงมาดริด เมื่อปี 2506 (ค.ศ. 1963)และแต่งตั้งนายมนู อมาตยกุล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริดคนแรก
เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมาดริด
เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมาดริด
นายกุลกุมุท สิงหรา ณ อยุธยา (H.E. Mr. KulkumutSinghara Na Ayudhya) ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2554
เอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทย
เอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทย
นายอิกนาเชียว ซากัซเตมปราโน (H.E. Mr. Ignacio SagazTemprano)
กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ไทยประจำSanta Cruz de Tenerife
กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ไทยประจำSanta Cruz de Tenerife
นาย Wolfgang Kiessling (หมู่เกาะคานารี)
หมายเหตุ :* สถานเอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทย มีเขตอาณาครอบคลุมประเทศพม่า ลาว และกัมพูชา
สำนักงานอื่นๆ ที่ดูแลกิจการด้านต่างๆ ของไทยในประเทศสเปน ประกอบด้วย
สำนักงานอื่นๆ ที่ดูแลกิจการด้านต่างๆ ของไทยในประเทศสเปน ประกอบด้วย
1) สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารและทหารเรือ ณ กรุงมาดริด
2) สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมาดริด
3) สำนักงานการบินไทย ณ กรุงมาดริด
4) สำหรับด้านการท่องเที่ยว สำนักงานการท่องเที่ยวไทย ณ กรุงโรม ดูแลงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในสเปน
5) สำหรับด้านการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) ณ กรุงปารีส ดูแลงานส่งเสริมการลงทุนในสเปน
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2548 รัฐบาลในขณะนั้นของสเปนได้เสนอแผนปฏิบัติการเอเชีย-แปซิฟิก (Plan of Action and Pacific 2005-2008) ซึ่งกล่าวถึงการที่สเปนตระหนักถึงความสำคัญและศักยภาพทางเศรษฐกิจและขนาดของตลาดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยแผนปฏิบัติการนี้ระบุถึงการเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ที่จังหวัดภูเก็ต การเปิดตัวหนังสือ Don Quixote ฉบับแปลเป็นภาษาไทยแล้ว(ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อเดือน ก.พ. 2549) และแผนการส่งเสริมการต้าและการลงทุนทางตรงของสเปนในประเทศไทย ที่กำหนดวงเงินเพื่อการดังกล่าวไว้ 1.5 ล้านยูโร ในช่วงปี พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2550
แผนปฏิบัติการเอเชีย-แปซิฟิก(Asia-Pacific Plan of Action) ฉบับที่ 3 ของสเปน
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2552 นายมิเกลอังเคล มอราติโน กูเยาเบ (Miguel Angel MoratinosCuyaubé)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือของสเปน ได้แถลงแผนปฏิบัติการเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Plan of Action) ฉบับที่ 3 ช่วงปี 2551-2555ฉบับภาษาสเปน สรุปสาระคำแถลงและแผนปฏิบัติการฯ ดังนี้
1.ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นมิติใหม่(new frontier) และเป็นความสำคัญอันดับต้น (priority)ของการดำเนินนโยบายต่างประเทศของสเปน เนื่องจากเอเชียเป็นศูนย์กลางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งสเปนไม่อาจไม่เข้าไปเกี่ยวข้องได้ แผนปฏิบัติการเอเชียแปซิฟิก ครอบคลุมการดำเนินงานด้านการต่างประเทศของสเปนใน 4ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยให้สเปนสามารถเจาะเข้าถึงมิตรและหุ้นส่วนในเอเชีย และเสริมสร้างความสัมพันธ์กับเอเชียให้เข้มแข็งขึ้น
2.สเปนต้องการส่งเสริมความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับประเทศในเอเชีย ในสาขาความร่วมมือที่สามารถส่งเสริมร่วมกันได้ และสาขาที่สเปนสามารถเป็นแบบอย่างให้เอเชียได้ อาทิ การต่อต้านการก่อการร้าย สิทธิมนุษยชน เศรษฐกิจ การคลัง กฎหมาย ความร่วมมือทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ นวัตกรรม กีฬา อาหาร แฟชั่น พลังงานทางเลือก และโทรคมนาคม เป็นต้น
แผนปฏิบัติการเอเชียแปซิฟิกในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศไทย สรุปสาระ ดังนี้
สเปนมองไทยว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเปิดกว้างและแข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นประเทศที่เปิดรับศิลปวัฒนธรรมและภาษาสเปนที่สำคัญในภูมิภาค และเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ดีเยี่ยมกับสเปนมาโดยตลอด
ไทยกับสเปนมีแผนปฏิบัติการร่วม(Joint Plan of Action) ที่ครอบคลุมทุกสาขาความร่วมมือที่มีศักยภาพระหว่างกัน
- ด้านการเมือง สเปนต้องการเพิ่มการติดต่อปฏิสัมพันธ์ระดับสูงกับฝ่ายไทย และประสงค์ที่จะกระชับความสัมพันธ์กับไทยในสาขาซึ่งมีความสนใจร่วมกันและมีความตกลงอยู่แล้ว อาทิ นโยบายการเข้าเมือง การต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ การปฏิรูปสหประชาชาติ การแก้ไขปัญหาความยากจน การปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals- MDGs) ของสหประชาชาติ และการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างประเทศ เป็นต้น
- ด้านเศรษฐกิจ แม้ว่าไทยจะไม่ใช่เป้าหมายแผนขยายตลาดบูรณาการของกระทรวงพาณิชย์สเปน แต่เศรษฐกิจไทยมีอิทธิพลต่อประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์ สเปนประสงค์ที่จะกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือกับไทยในสาขาเศรษฐกิจการค้าที่ไทยสนใจ ได้แก่ พลังงานทางเลือก การปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย โดยเฉพาะในด้านการคมนาคม อุตสาหกรรมการเกษตร การผลิตไบโอดีเซล และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยสเปนหวังจะเพิ่มการส่งออกมายังไทยและเพิ่มการลงทุนระหว่างกัน
- ด้านศิลปวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ ไทยกับสเปนสามารถขยาย
ความร่วมมือได้อีกมาก อาทิ การให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาไทยไปศึกษาในมหาวิทยาลัยสเปน การสนับสนุนให้มีอาจารย์ชาวสเปนเดินทางมาสอนหนังสือในประเทศไทย เป็นต้น
- ด้านภาคประชาสังคม สเปนสนับสนุนให้มีการเปิดสถาบัน Cervantes ซึ่งเป็นสถาบันสอนภาษาสเปน ในไทย เพื่อส่งเสริมการเรียนภาษาสเปนในไทย ไทยกับสเปนมีแผนจัดทำความร่วมมือทวิภาคีระหว่างสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ กับสถาบัน Casa Asia ซึ่งเป็นสถาบันที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ และการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างสเปนกับประเทศในเอเชีย อยู่ภายใต้การดูแลสนับสนุนของกระทรวงการต่างประเทศสเปน นอกจากนี้ กรุงมาดริดเริ่มให้คำแนะนำเมืองต่างๆ ในเอเชีย รวมทั้งไทย เรื่องวิธีการปรับปรุงความปลอดภัยตามท้องถนนด้วย
- ด้านการทหาร ความสัมพันธ์ด้านการทหารเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมาก ซึ่งรัฐบาลทั้งสองประเทศต่างต้องมุ่งกระชับความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น บนพื้นฐานความร่วมมือทวิภาคีในด้านการฝึกอบรมทางทหาร นอกจากนี้ สเปนสนใจการให้ความช่วยเหลือพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ฝ่ายไทยให้ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่กองทัพบกไทย
ข้อสังเกต:
แผนปฏิบัติการเอเชีย-แปซิฟิก ฉบับที่ 3 นี้ แสดงถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของสเปนที่จะแสดงบทบาทในเอเชียและในไทยให้ชัดเจนขึ้น โดยนอกจากการตระหนักในความสำคัญของภูมิภาคเอเชียแล้ว น่าจะเกิดจากกความต้องการแสวงหาแหล่งลงทุนและตลาดใหม่ เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสเปน และความต้องการมีบทบาททางการเมืองในเวทีระหว่างประเทศให้มากขึ้นของรัฐบาลสเปนภายใต้การนำของอดีตนายกรัฐมนตรีโฆเซ่ลูอิส โรดริเกซ ซาปาเตโร (José Luis Rodriguez Zapatero)
ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ(ข้อมูลปี ๒๕๕๔)
สเปนเป็นคู่ค้าอันดับที่ 25 ของไทย และเป็นลำดับที่7 ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (European Union - EU) ในปี 2555 มูลค่าการค้ารวมระหว่างกัน 1,437.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออก 807 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 630.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 176.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออก ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม ยางพารา เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ กุ้งสดแช่เย็น และแช่แข็ง
สินค้านำเข้าจากสเปน ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรม และเภสัชกรรม เหล็ก เหล็กกล้า ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์โลหะ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช
ปัญหาและอุปสรรคด้านการค้า
1)สเปนเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ทำให้ปัญหาการค้าทวิภาคีไทย-สหภาพ ยุโรป กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการค้าระหว่างไทยและสเปนด้วย
2)สเปนตรวจพบสารแคดเมี่ยมในปลาหมึกในน้ำมันและปลาหมึกแช่แข็ง เชื้อ salmonellaในปลาหมึกแช่แข็ง เชื้อแบคทีเรียในปลา Hakeเชื้อ vibrio Cheleraeในกุ้งกุลาดำ สาร 3MCPDในซอสปรุงรส เชื้อ AerbioMesofilosในปลาหมึกแช่แข็ง และเพลี้ยไฟในดอกกล้วยไม้ นำเข้าจากไทย จึงได้ใช้มาตรการกักกันสินค้าที่มีปัญหาเพื่อนำตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ก่อน (automatic detention) หากตรวจไม่พบเชื้อโรคจะอนุญาตให้นำเข้าได้ การยกเลิกมาตรการดังกล่าวอยู่ในดุลพินิจของหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตรวจสอบ
ความสัมพันธ์ด้านการลงทุน
ในปี 2555 มีโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุน2 โครงการ มูลค่ารวม 1,540 ล้านบาท ซึ่งเป็นอันดับที่ 7 ในยุโรป
ความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว
ความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว
ในปี 2555มีจำนวนนักท่องเที่ยวสเปนเดินทางมาประเทศไทย จำนวน 113,270คน
ความร่วมมือและความตกลงที่ลงนามแล้ว
ความร่วมมือและความตกลงที่ลงนามแล้ว
1.ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ(Air Services Agreement) ลงนามเมื่อ 6กันยายน พ.ศ.2522
2.ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม(Agreement on Economic and Industrial Cooperation) ลงนามเมื่อวันที่12 ธันวาคม พ.ศ. 2529
3.ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว(Agreement en Cooperation on Tourism)ลงนามเมื่อ17 มีนาคม พ.ศ.2530
4.สนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญาระหว่างไทย-สเปน(Treaty on Cooperation in the Execution of Penal Sentences)ลงนามเมื่อ7 ธันวาคม พ.ศ. 2526และมีผลบังคับใช้เมื่อ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2530
5.ความตกลงด้านวัฒนธรรม(Cultural Agreement) ลงนามเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2530
6.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งกำลังบำรุงระหว่างกระทรวงกลาโหมไทย-กระทรวงกลาโหมสเปน(Memorandum of Understanding on Logistics Support)ลงนามเมื่อวันที่18 กรกฎาคม พ.ศ. 2537
7.ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้า อุตสาหกรรม และ ชิปปิ้งของสเปน (The High Council of Chambers of Commerce, Industry and Shipping of Spain) ลงนามเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2538
8.อนุสัญญาเพื่อการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากร ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ (Convention on the Avoidance of Double Taxation and the Prevention of Fiscal Evasion with Respect to Taxes on Income)ลงนามเมื่อวันที่14 ตุลาคม พ.ศ.2540 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2541
9.ความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือกันทางการศาลในคดีแพ่งและพาณิชย์(Agreement on Judicial Assistance in Civil and Financial Affairs) ลงนามเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2541 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2542
10.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างไทย-สเปน(Memorandum of Understanding on Financial Cooperation) ลงนามเมื่อวันที่5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541
11. แผนปฏิบัติการร่วม(Joint Plan of Action) ลงนามเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553
12. ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางทูต(Agreement on the Reciprocal Waiver of Visas for Diplomatic Passports) ลงนามเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการให้มีผลบังคับใช้
การแลกเปลี่ยนการเยือน
พระราชวงศ์ (ระหว่างปี 2503-2550)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
- วันที่ 3- 8 พฤศจิกายน 2503 เสด็จ ฯ เยือนสเปนอย่างเป็นทางการ
สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
- วันที่ 17- 28 มกราคม 2539 เสด็จฯ เยือนสเปนเพื่อทรงประกอบพิธีปล่อยเรือหลวงจักรีนฤเบศลงน้ำที่เมืองเฟโรล (Ferrol)
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
- วันที่ 27 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2531 เสด็จฯ เยือนสเปนอย่างเป็นทางการในฐานะพระ ราชอาคันตุกะของสมเด็จพระราชาธิบดีฆวน คาร์ลอส ที่ 1
- วันที่ 22 - 28 กรกฎาคม 2535 เสด็จฯ เยือนสเปนอย่างเป็นทางการในฐานะพระราช อาคันตุกะของสมเด็จพระราชาบดีฆวน คาร์ลอส ที่ 1 เพื่อทรงร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 25 ณ นครบาร์เซโลนา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- วันที่ 29 - 31 พฤษภาคม 2535 เสด็จฯ เยือนสเปนอย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะของสมเด็จพระราชาธิบดีฆวน คาร์ลอส ที่ 1 และเสด็จฯ เป็นองค์ประธานในคืนวันประจำชาติไทยในงานแสดงสินค้าโลกที่เมืองเซบิญ่า (Sevilla)
- ระหว่างวันที่ 7 - 9เมษายน 2536 เสด็จฯ เยือนสเปนเพื่อทรงร่วมงานพระราชพิธีพระศพของ เคาท์ฆวน เด บอรบอน (Count Juan de Borbón) พระราชบิดาของสมเด็จพระราชาธิบดีฆวน คาร์ลอส ที่ 1
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
- วันที่ 25 กันยายน - 3 ตุลาคม 2536 เสด็จเยือนสเปนเป็นการส่วนพระองค์
รัฐบาล
นายกรัฐมนตรี
- วันที่ 16- 19 มีนาคม 2530 พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีเยือนสเปนอย่างเป็นทางการ
รัฐมนตรี
- วันที่ 14- 15 ตุลาคม 2540 นายประจวบ ไชยสาส์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนสเปนอย่างเป็นทางการ
- วันที่ 11- 16 มิถุนายน 2541 นายสุทัศน์ เงินหมื่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะเยือนสเปนอย่างเป็นทางการ
- วันที่ 17- 22 พฤศจิกายน 2541 นายศุภชัย พานิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะ เดินทางเยือนสเปนเพื่อขอความสนับสนุนในการสมัครเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก(WTO)
-วันที่ 7- 8 พฤษภาคม 2542 นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและคณะเยือนสเปน
- วันที่ 6- 7 มิถุนายน 2545 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนสเปนเพื่อร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป(ASEM-FMM) ครั้งที่ 4 ณ กรุงมาดริด
- วันที่ 6-9ตุลาคม 2553 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนสเปนอย่างเป็นทางการ เพื่อหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือสเปน ณ กรุงมาดริด
ฝ่ายสเปน
พระราชวงศ์
สมเด็จพระราชาธิบดี ฆวนคาร์ลอส ที่ 1และสมเด็จพระราชินีโซเฟีย
- เมื่อปี 2505 และ 2508 เสด็จฯ เยือนไทยเป็นการส่วนพระองค์(ขณะดำรงพระยศเจ้าชายแห่งสเปน)
- วันที่ 18- 22 พฤศจิกายน 2530 เสด็จฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
- วันที่ 21- 23 กุมภาพันธ์ 2549 เสด็จฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระราชินีโซเฟีย
- วันที่ 27- 28 พฤศจิกายน 2539 เสด็จฯ เยือนไทยเป็นการส่วนพระองค์
- วันที่ 20- 21 กุมภาพันธ์ 2545 เสด็จฯ แวะผ่านประเทศไทยเพื่อเสด็จฯ ต่อไปยังเวียดนาม
- วันที่ 4 มีนาคม 2546 เสด็จฯ แวะผ่านประเทศไทยเพื่อเสด็จฯ ต่อไปยังฟิลิปปินส์
- วันที่ 11- 14 มิถุนายน 2549 เสด็จฯ เยือนประเทศไทยเพื่อร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี
เจ้าชายเฟลิปเป มกุฎราชกุมารแห่งสเปน
- วันที่ 16- 19 ธันวาคม 2530 เสด็จฯ เยือนไทย ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เจ้าหญิงเอเลน่าแห่งสเปน
- วันที่ 14- 18 ธันวาคม 2538เสด็จเยือนไทยพร้อมด้วยพระสวามี ในฐานะแขกของรัฐบาล
รัฐบาล
รัฐมนตรี
- เดือนมกราคม2537 นายฆาเบีย โซลาน่า (Javier Solana) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสเปนเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
- วันที่ 1 - 2 มีนาคม 2539 นายคาร์ลอสเวสเตนดอร์ป (Carlos Westendorp) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสเปนในฐานะผู้แทนนายกรัฐมนตรีสเปนเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 1
- วันที่ 2 เมษายน 2542 นายรามอน เด มิเกล (Ramon de Miguel) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสเปน เยือนไทย
- วันที่ 11- 12 มกราคม 2548 นายมิเกลอังเคล โมราติโนส (Miguel Angel Moratinos) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสเปนเยือนไทย ในโอกาสที่เดินทางเยือนประเทศในเอเชียที่ประสบธรณีพิบัติภัย เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการฟื้นฟูบูรณะแก่ประเทศที่ประสบภัย และได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีและนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
- วันที่ 21- 23 กุมภาพันธ์ 2549 นายมิเกลอังเคล โมราติโนส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสเปนเยือนไทย และเข้าพบนายกันตธีร์ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
อ้างอิง
กระทรวงการต่างประเทศ.(2556).ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับราชอาณาจักรสเปน ออนไลน์
แหล่งที่มา
< !--[if !supportLists]-->- <!--[endif]-->http://www.mfa.go.th/main/th/world/74/10383-ราชอาณาจักรสเปน.html
Website ที่เกี่ยวข้อง
- www.embesp.or.th (สถานเอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทย)
- www.moc.go.th/thai/dbe (กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์)
- www.thaitrade.com (กรมส่งเสริมการส่งออก)
- www.tat.or.th (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
Web site ที่เกี่ยวข้อง
- www.sispain.org ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับประเทศสเปน
- www.embesp.or.th สถานเอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทย
- www.la-moncloa.es รัฐบาลสเปนและกระทรวงต่างๆ
- www.mae.es กระทรวงการต่างประเทศสเปน
- www.tourspain.es การท่องเที่ยวสเปน
- www.economist.com/countries/spain ข้อมูลพื้นฐานประเทศสเปนและข่าวสารเกี่ยวกับประเทศสเปน
- www.odci.gov/cia/publications/factbook/geos/sp.html ข้อมูลพื้นฐานประเทศสเปน
- www.cnnenespanol.com CNN - ข่าวสารเกี่ยวกับประเทศสเปน(ภาษาสเปน)
- www.elpais.es หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น El Pais
- www.abc.es หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ABC
- www.elmundo.es หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น El Mundo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น